ประวัติหลวงพ่อคล้อย อโนโม วัดภูเขาทอง
พระครูพิพิธวรกิจ (คล้อย อโนโม) เกิดเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2472 ปัจจุบันอายุ 84 ปี ( พรรษา62 )เดิมชื่อ คล้อย ทองโอ่ บิดาชื่อ นายแสง ทองโอ่ มารดาชื่อ นางเอียด ทองโอ่ เกิดที่ ตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง จบการศึกษาชั้นประถม 4 จากโรงเรียนวัดไทรงาม ตำบลนางตุง อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง เมื่อถึงวัยบวชเรียนท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ.2491 ณ วัดดอนศาลา ตำบลมะกอกเหนือ อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง พระอุปัชฌาย์ คือ พระครูสิทธิยารัตน์ (พระอาจารย์เอียด) และ อุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อขึ้นปีขาล วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ.2493 ณ วัดควนปันตาราม ตำบลปันแต อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง โดยมีพระครูรัตนาภิรัตเป็นอุปัชฌาย์ พระมหาเจิม ฐิตเปโม เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูกาชาด วัดดอนศาลา เป็นพระอนุสาวนาจารย์ หลังบวชเรียนแล้วได้ศึกษาจนสอบได้เป็นนักธรรมเอก จากสำนักเรียนวัดดอนศาลา เมื่อปี พ.ศ. 2497 ต่อมาได้เป็นครูสอนนักธรรมตรี แผนกธรรมที่สำนักเรีนยวัดดอนศาลาและวัดภูเขาทอง ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดภูเขาทองตั้งแต่ปี พ.ศ. 2501จวบจนปัจจุบัน
- ปี พ.ศ. 2518 ได้รับตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลมะกอกเหนือ
- ปี พ.ศ. 2522 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็น พระครูพิพิธวรกิจ
- ปี พ.ศ. 2542 ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะอำเภอควนขนุน
- ปี พ.ศ. 2546 ถึงปัจจุบันดำรงสมณศักดิ์เป็นเจ้าคณะอำเภอควนขนุน(ชั้นเอก)
ตลอดเวลากว่า 54 ปี ที่หลวงพ่อคล้อยได้ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดภูเขาทอง ท่านได้พัฒนาวัดมาอย่างต่อเนื่องไม่เคยว่างเว้น เสนาสนะแทบทุกอย่างภายในวัดภูเขาทอง อาทิ อุโบสถ ศาลาการเปรียญ เมรุ กุฏิสงฆ์ กำแพงแก้ว หอระฆัง ฯลฯ ล้วนเกิดจากความมีวิริยะ อุตสาหะของท่านทั้งสิ้น แต่กาลเวลาเนิ่นนานย่อมทำให้เสนาสนะและสิ่งปลูกสร้างต่างๆภายในวัดเกิดการเสื่อมสภาพ ต้องได้รับการฟื้นฟูบูรณะให้มีสภาพดีคงเดิม อุโบสถของวัดภูเขาทองหลังนี้ก็เช่นกัน หลวงพ่อคล้อยสร้างมาตั้งแต่ปี 2522 ปัจจุบันยังเสร็จไม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ท่านจึงมีดำริที่จะทำการบูรณะปฎิสังขรณ์ให้มีความงดงาม สามารถใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาได้อย่างสมบูรณ์ โดยจะให้มีการผูกพัทธสีมาและฝังลูกนิตในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อเป็นการสืบทอดพระพุทธศาสนาให้มีความยั่งยืน จึงอยากบอกบุญมายังพุทธศาสนิกชนได้ร่วมในบุญครั้งนี้ด้วย
แม้นว่าหลวงพ่อคล้อยจะได้รับการยอมรับจากชาวไทยและชาวต่างประเทศว่า ท่านเป็นพระเกจิอาจารย์สายใต้ที่มีวิชาอาคมแก่กล้า เข้มขลัง มีอาวุโสสูงรูปหนึ่งในสายเขาอ้อ(ตักศิลาทางไสยเวทของเมืองไทย) แต่ด้านการสอนสั่งในพระพุทธศาสนาท่านก็ถือยึดแนวตามหลักคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า คือ สอนให้พุทธศาสนิกชนทุกคนจงใช้สติ ระลึกได้ก่อนกระทำ พูด คิด และมีสติสัมปชัญญะ รู้ตัวขณะทำ พูดและคิด มีเมตตาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย
ปัจจุบันวัยของหลวงพ่อคล้อยล่วงเลยมาจนครบ 7 รอบ 84 ปีแล้ว แต่ทุกวันนี้หากไม่มีกิจนิมนต์ที่ต้องเดินทางไกล ผู้มีโอกาสไปวัดภูเขาทองจะเห็นภาพของพระเกจิร่างเล็กผู้เรืองเวทกวาดใบไม้ลานวัดหน้ากุฏิอยู่เสมอๆ ท่านบอกว่าอยากให้วัดมีความสะอาดมีความเป็นระเบียบ ใครมาวัดก็จะได้ดูร่มรื่นสบายใจ และถือว่าเป็นการออกกำลังกายไปในตัวด้วย ท่านเป็นพระเกจิที่มีสุขภาพจิตดีและมีอารมณ์ขันมากๆ เวลาท่านมีบรรดาญาติโยมไปกราบนมัสการ ท่านก็มีเมตตาออกรับแขกทุกคนโดยไม่เลือกชนชั้นวรรณะ จะมีเรื่องเก่าๆเล่าให้ฟังแฝงด้วยคติคำสอนตลอดเวลา ก่อนญาติโยมจะลากลับท่านก็จะเรียกลูกศิษย์ที่คอยดูแลปรนนิบัติให้เข้าไปในกุฏิเพื่อหยิบเอาวัตถุ มงคลของท่านมาแจกให้ทุกครั้งคนละหนึ่งองค์ แล้วก็จะกล่าวกำชับเชิงหยอกล้อว่า " รูปของเรา ของแท้ๆจงเก็บรักษาไว้ให้ดีนะ อย่าให้ใครมาหลอกเอาไปอีกล่ะ " แล้วก็มีเสียงหัวเราะตามมาทั้งผู้รับและผู้ให้...
*** หลวงพ่อคล้อย อโนโม ได้ละสังขารด้วยอาการอันสงบ เมื่อเวลา 16.19 น. วันที่ 14 ธันวาคม 2557 ตรงกับวันอาทิตย์ แรม ๘ ค่ำ เดือน ๑) ณ กุฏิภายในวัดภูเขาทอง สร้างความโศกเศร้าเสียใจแก่บรรดาศิษย์ฯ ขอให้ท่านสู่สุขคติครับ...
หลวงพ่อคล้อย อโนโม เมตตาให้ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกคราวไปกราบนมัสการ ณ กุฏิวัดภูเขาทอง เมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕